11 วิธีเลือกศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ราคาถูก อัพเดท 2568 By icare seniors home
ก่อนอื่นเลยต้องขอสวัสดีปีใหม่ 2568 ต้อนรับปีงูเล็ก มะเส็ง กันนะคะ ก็ขอให้ลูกค้าทุกท่านสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บนะคะ
อย่างที่กล่าวมาข้างต้นว่าปี 2025 ตอนนี้มีศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่เปิดขึ้นมาใหม่มากมาย ทางลูกค้าก็จะสงสัยว่ามีหลักเกณในการเลือกศูนย์ดูแลผู้สูงอายุสำหรับญาติผู้ใหญ่ของเราอย่างไร วันนี้ทางศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ icare seniors home จะมาแนะนำ 11 วิธีในการเลือกศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ กันเลยนะคะ
1. ผ่านการลงทะเบียนกับกระทรวงสาธารณสุข
ใบอนุญาตการลงทะเบียนศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ : https://www.icareseniorshome.com/article/161
ทางญาติสามารถค้นหาจาก website ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข โดยทางญาติสามารถเช็ครายชื่อของสถานประกอบการ ซึ่งดู update รายชื่อศูนย์ดูแลผู้สูงอายุได้จากเว็บของกระทรวงสาธารณสุขโดยในช่องค้นหาข้อมูล ให้พิมชื่อจังหวัดที่ทางญาติต้องการจะไปพัก เช่น กรุงเทพมหานคร ก็จะมี list รายชื่อออกมา โดยจากที่ทาง icare seniors home ไปค้นหามานั้น เจอรายชื่อสถานประกอบการที่ผ่านการลงทะเบียนกับกระทรวงสาธารณสุขอยู่ 303 แห่ง โดยเราแนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ที่ไม่มีรายชื่ออยู่ใน website ของกระทรวงวาธารณสุข
2. ตั้งราคาในใจ

สำหรับเรื่องราคาทางญาติบางท่านอาจจะต้องการหาศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่ราคาถูกที่สุดที่จะหาได้ ซึ่งจะมีผลต่อการดูแลคนชรา เพราะเมื่อญาติจ่ายในราคาถูก ค่าแรงของพนักงานก็ต้องถูกลงไปด้วย พอค่าแรงพนักงานที่จ่ายถูก ก็จะได้พนักงานที่ไม่มีประสบการณ์ในการดูแลคนชรา รวมถึงค่าอาหารที่จ่ายถูกก็จะได้รับประทานอาหารที่ไม่ค่อยมีคุณภาพเท่าที่ควร ซึ่งมีผลต่อการดูแลและการอยู่ที่ยาวนานขึ้นของคนชรา โดยลูกค้าสามารถดูราคาค่าใช้จ่ายต่อเดือนได้ อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.icareseniorshome.com/b/15
ทางญาติต้องตั้งราคาในใจว่า budget ของเราสามารถจ่ายค่าบริการได้เดือนละเท่าไหร่ เพราะการดูแลคนชราจะเป็นค่าใช้จ่ายที่ผูกพันในระยะยาว โดยทางญาติสามารถดูค่าบริการรายเดือนได้ที่
3. ค่าใช้จ่ายอื่นนอกเหนือจากค่าบริการรายเดือน

ต้องสอบถามทางศูนย์ดูแลผู้สูงอายุค่าใช้จ่าย ด้านล่างว่ารวมอยู่ในค่าบริการรายเดือนหรือไม่
- แเพมเพิส
- อุปกรณ์ทำแผล
- การกายภาพ
- การทำแผล
- ที่นอนลมป้องกันแผลกดทับ
- เครื่องดูดเสมหะ
- ค่าไฟ
- ค่าอาหาร
- ค่าการใช้เครื่องอ๊อกซิเจนไฟฟ้า
- ค่ารถรับส่งไปโรงพยาบาล
- ค่าพนักงานติดตามไปโรงพยาบาล
4. สถานที่ใกล้บ้าน

แนะนำหาศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่ใกล้กับบ้านญาติที่สามารถมาเยี่ยมได้บ่อยๆ หรือหาศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ที่อยู่ระหว่างเส้นทางระหว่างบ้านและที่ทำงานของญาติเพื่อการเดินทางไปเยี่ยมที่สะดวก
5. นำของใช้ส่วนตัวไปเอง

แนะนำหาศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ที่ญาติสามารถนำเสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว หรือของใช้ส่วนตัวอื่นๆ มาเองได้ เนื่องจากเวลาที่ทางเจ้าหน้าที่ของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ส่งรายงานประจำวัน ในกลุ่ม line ทางญาติจะได้ทราบว่ามีการเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกวันหรือไม่
หากต้องการเข้าพักที่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ที่ใช้เสื้อผ้าของทางศูนย์ดูแลผู้สูงอายุเองซึ่งโดยส่วนใหญ่ชุดที่ใส่ให้คนชราจะเป็นสีแบบดียวกัน ซึ่งก็อาจจะทำให้มีการใส่เสื้อผ้าซ้ำกันได้ เช่น ลุงA ใส่เสื้อของ ลุงB ที่เคยใส่เมื่อ 2 วันที่แล้ว โดยเราแนะนำว่าให้ญาตินำเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวไปเอง เพื่อป้องกันการใส่ชุดสลับกันกับผู้สูงอายุท่านอื่น
อีกหนึ่งเหตุผลที่แนะนำให้ญาตินำเสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว และของใช้ส่วนไปเอง เนื่องจากความสะอาดของชุดที่ใส่ โดยต้องยอมรับว่าเราไม่ทราบว่าที่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุนั้น ใช้ชุดที่ใส่ประจำนั้นมานานแล้วกี่ปี มีผู้สูงอายุใส่ไปแล้วกี่คน แล้วบางครั้งคนชราที่เข้าไปพักก็อาจจะมีแผลกดทับ ซึ่งมีหลากหลายบริเวณ เช่นที่ ก้นกบ สะโพกซ้ายขวา หัวเข่า เป็นต้น ซึ่งแผลเหล่านี้อาจจะมีเลือด น้ำเหลือง น้ำหนอง และการทายาที่แผลในบริเวณต่างๆ ซึ่งก็สามารถติดตามเสื้อผ้าของคนชรา และยังไม่รวมถึงการที่คนชราจะมี สารคัดหลั่งต่างๆ เช่น อุจจาระ ปัสสาวะ ติดตามเสื้อผ้าของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุนั้นๆ เช่นเดียวกัน
6. จำนวนของห้องน้ำ

ญาติหลายๆ ท่านอาจจะสงสัยว่าทำไมต้องดูจำนวนห้องน้ำของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ เช่น หากสถานประกอบการนั้น มีห้องน้ำอยู่ 2 ห้อง
หนึ่งเลยจะเกิดปัญหาในเรื่องของความสะอาด เพราะต้องมีการแยกห้องน้ำของพนักงาน กับผู้สูงอายุ ออกจากกัน ไม่แนะนำให้ใช้ร่วมกัน
สองคือ ถ้าห้องน้ำน้อย เช่น 2-3 ห้อง อาจจะทำให้เกิดความล่าช้าหรือการต้องรอคิวในการเข้าห้องน้ำ ผู้สูงอายุอาจจะไม่สามารถเข้าห้องน้ำไปอุจจาระ หรือปัสสาวะ ระหว่างที่มีคนชราท่านอื่นใช้ห้องน้ำอยู่ อาจจะทำให้เกิดโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบเนื่องจากการกลั้นปัสสาวะ หรืออุจจาระแข็งทำให้ถ่ายครั้งต่อไปลำบาก
สาม เวลาที่ส้วมตัวหรือท่อน้ำตัน หากจำนวนห้องน้ำน้อยไปก็จะทำให้การใช้ห้องน้ำลำบากมากยิ่งขึ้น คือคนชราต้องย้ายไปใช้ห้องน้ำห้องอื่นก่อน ซึ่งอาจจะอยู่ไกล หรือต้องขึ้นลงบันได ทำให้ไม่สะดวกกับทั้งคนชราในการที่จะต้องเดินไปห้องน้ำไกลขึ้นและพนักงานที่ดูแลคนชราก็จะทำงานยากขึ้นด้วย รวมถึงมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุระหว่างเข้าห้องน้ำได้ แนะนำหาสถานประกอบการที่มีห้องน้ำอย่างน่อย 4 ห้อง
7. ต้องมีห้องพักสำหรับพนักงาน

เพื่อความสะอาด เพราะถ้าให้พนักงานนอนพักในห้องเดียวกับคนชรา ของใช้ต่างๆ ของคนชราและพนักงานที่ดูแล ก็อาจจะปะปนกันได้
เพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้สูงอายุ เพราะผู้สูงอายุต้องการการพักผ่อนในเวลากลางคืน หากให้พนักงานมาพักด้วย ซึ่งพนักงานอาจจะมีการใช้โทรศัพย์มือถือในเวลาดึกสำหรับฟังเพลง หรือคุยโทรศัพย์ หรือมีการเปิดไฟ ซึ่งจะเป็นรบกวนคนชราในการนอนได้
8. ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่เปิดเป็นบริษัท

เนื่องจากพอเปิดเป็นบริษัทแล้ว ทางศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ สามารถทำประกันสังคม จ่ายโบนัสประจำปี เพื่อจูงใจพนักงาน ซึ่งช่วยลดอัตราการลาออกได้ พอลดจำนวนครั้งในการลาออกของพนักงานได้ ก็จะทำให้เกิดความต่อเนื่อง และความชำนาญในการดูแลคนชราของพนักงานมากยิ่งขึ้น
การตั้งกฎระเบียบ จะทำได้อย่างเข้มข้น ทำให้พนักงานของบริษัททำงานได้อย่างมีระบบ และมีระเบียบมากขึ้น คือพนักงานเข้าใจว่าการทำงานภายใต้บริษัทจะมี เเผนกต่างๆ ในการประเมินการทำงาน เช่น มีการเข้าร่วมประชุมประจำเดือนจากแผนกอื่น มีการออกกฎการทำงานจากแผนกบุคคล การลงตารางเวรและการจ่ายเงินของแผนกบัญชี เป็นต้น
หากทางญาติต้องการเบิกค่าใช้จ่ายในการดูแลคนชรากับบริษัทประกัน ก็ทำได้สะดวก บริษัทประกันสามารถจ่ายเงินตรงเข้าบัญชีธนาคารของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่เป็นบริษัทได้เลย
9. หาเจ้าของหรือผู้รับผิดชอบโดยตรงทำงานแบบ full time

แนะนำหาศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่เจ้าของ หรือผู้ที่รับผิดชอบโดยตรงทำงานที่สถานประกอบการนั้นแบบประจำ เนื่องจากจะมีเวลาในการดูแลคนชราและติดตามการทำงานของพนักงานได้ดีกว่า ยกตัวอย่างเช่น เจ้าของหรือผู้รับผิดชอบโดยตรงที่ทำงานประจำอยู่แล้ว (5วัน/สัปดาห์) และเปิดศูนย์ดูแลผู้สูงอายุควบคู่ไปด้วย โดยเจ้าของแบบ part time จะใช้เวลาในวันหยุดจากงานประจำเข้ามาดูแลสถานประกอบการ (2วัน/สัปดาห์)
10. ดูสถานที่จริง นัดคุยกับผู้รับผิดชอบสถานประกอบการ

หลังจากที่ทางญาติตกลงเรื่องค่าบริการรายเดือนได้แล้ว ก่อนที่จะนำคนชราเข้าไปพัก ทางเราก็แนะนำว่าควรจะเข้าไปดูสถานที่จริง และนัดคุยกับเจ้าของ หรือผู้รับผิดชอบที่ดูแลศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ
1)จะได้เห็นสถานที่จริง ว่าตรงกับในรูปถ่ายหรือไม่
- ดูความสะอาดของห้องพัก
- สภาพแวดล้อมของบ้านติดกันว่าเป็นอย่างไร เหมาะสำหรับการอยู่พักอาศัยหรือไม่
- ดูว่ามีเอกสารจากกระทรวงสาธารณสุขติดอยู่หรือไม่ เป็นต้น
2)นัดคุยกับเจ้าของหรือผู้ที่รับผิดชอบโดยตรง เพราะทางญาติจะได้ทราบถึงว่าทางคนที่รับผิดชอบมีความคิดเห็นอย่างไร มีเคสที่ดูแลคนชราแบบของเราหรือไม่ ซึ่งจะทำให้ทางญาติมีข้อมูลสำหรับการตัดสินใจเลือกศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่เหมาะกับคนชราของเรา
11. จำนวนสาขา

หาศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีอย่างน้อย 2 สาขาขึ้นไป เนื่องจากหากเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้ทำการย้ายคนชราจากสาขานึง ไปยังอีกสาขานึงได้อย่างทันท่วงที ไม่ต้องเสียเวลาหาสถานประกอบการใหม่ เช่น น้ำไม่ไหล ไฟดับ น้ำท่วมในบ้าน เพื่อนบ้านมีการก่อสร้างเสียงดัง, มีฝุ่น, มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ เป็นต้น โดยหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีสาขาเดียว ก็อาจจะเกิดอันตรายถึงชีวิตได้สุดท้ายนี้หากลูกค้าท่านใดที่มีความสนใจเกี่ยวกับการหาศูนย์ดูแลผู้สูงอายุก็สามารถติดต่อหาเราได้ที่ icare seniors home โทร 092 - 614 - 9542 หรือ line id ; icarehome ทางเรามีความยินดีให้คำปรึกษาลูกค้าทุกท่านโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
กลับสู่หน้าแรก