สวัสดีค่ะวันนี้ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ icare seniors home จะมาพูดถึงว่าสารอาหารตัวไหนที่จะเป็นการช่วยป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด รวมถึงสารอาหารที่บำรุงตับ และเสริมสร้างความจำให้แก่ผู้สูงอายุ โดยสารอาหารตัวแรกที่จะพูดถึงก็คือเลซิติน เลซิตินนั้นเป็นสารประกอบระหว่างกรดไขมัน ก็คือ วิตามินบี 2 กับ ฟอสฟอรัส โดยสารประกอบไขมันทั้ง 2 ตัวนี้จะมีสารที่เรียกว่า อินอสซิตอน และโคลีน ประกอบอยู่ด้วย โดยศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ รายวัน เขตรามคำแหง ได้บอกว่าจะพบเลซิตินในทุกๆ เซลล์ไม่ว่าจะเป็นเซลล์ของพืช คน หรือว่าสัตว์ โดยในร่างกายของผู้สูงอายุนั้นจะพบเลซิตินมากในไต ตับ และหัวใจ โดยที่ร้อยละ 30 ซึ่งพบเลซิตินนั้น จะอยู่ในสมอง ซึ่งจะเป็นการควบคุมการทำงานต่างๆ ภายในเซลล์ของร่างกายผู้สูงอายุให้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยผู้สูงอายุที่รับประทานอาหารทั่วๆไปมีโอกาสที่จะได้รับเลซิตินไม่เพียงพอต่อร่างกาย
โดยเลซิติน นั้นพบได้ตามธรรมชาติจาก 2 แหล่งที่สำคัญนั้นก็คือ
1. จากแหล่งธรรมชาติทั่วๆไป ซึ่งพบได้ในสัตว์และพืช โดยส่วนมากแล้วในพืชจะพบ ได้แก่ จมูกข้าวสาลี ถั่วลิสง เม็ดทานตะวัน และถั่วเหลือง เป็นต้น ซึ่งอาหารส่วนใหญ่เหล่านี้มักจะมีไขมันคอเลสเตอรอลที่ค่อนข้างสูงรวมอยู่ด้วย
2. ก็คือในร่างกายมนุษย์ซึ่งสามารถผลิตได้เองได้ที่ตับ โดยมีสารตั้งต้น ก็คือ เลซิติน ซึ่งประกอบไปด้วย วิตามินบี กรดไขมัน และสารอาหารอื่นๆ และหากร่างการรับสารอาหารไม่เพียงพอ ก็จะทำให้ตับนั้นสร้างเลซิตินได้จำนวนน้อยเช่นเดียวกัน
โดยการรับประทานเลซิตินนั้น จึงมีความจำเป็นเช่นเดียวกันสำหรับผู้สูงอายุ โดยผู้สูงอายุนั้นสามารถรับประทานถั่วเหลือง ไข่แดง ได้เหมือนกัน โดยในถั่วเหลืองนั้นจะมีเลซิตินที่ปราศจากไขมันคอเลสเตอรอล รวมถึงยังมีโปรตีนที่มีคุณภาพที่ดีต่อร่างกายของเราในการผลิตเลซิตินอีกด้วย ร่างกายของผู้สูงอายุนั้นต้องการเลซิตินวันละประมาณ 6,000 มิลลิกรัม ส่วนโคลีนนั้นทางร่างกายของผู้สูงอายุต้องการวันละ 600 จนถึง 1,000 mg โดยปัจจุบันนั้นจะมีผู้ที่ขาดสารอาหารเลซิตินเป็นค่อนข้างมาก เนื่องจากว่าคนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยรับประทานอาหารที่มีไขมันมากจึงทำให้ผู้สูงอายุส่วนหนึ่งขาดสารเลซิติน
โดยจากการวิจัยของนักโภชนาการชาวอเมริกันค้นพบว่า ในสมองของผู้สูงอายุนั้นมีเลซิตินถึงร้อยละ 30 ของน้ำหนักของสมองทั้งหมด จึงทำให้เลซิตินนั้นมีความสำคัญต่อสมอง รวมถึงยังช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อม และช่วยส่งเสริมความทรงจำที่ดีให้แก่ผู้สูงอายุ โดยในปี พ.ศ 2518 นักวิทยาศาสตร์จากสหรัฐอเมริกา ได้ทำการวิจัยและค้นพบว่าสารเลซิตินมีความจำเป็นต่อร่างกาย โดยนักวิทยาศาสตร์ได้เรียกสารเลซิตินว่า อาเซทินโคลีน คือสารที่ไว้ใช้สำหรับการสร้างสื่อประสาท รวมถึงยังจะช่วยส่งผ่านข้อมูลระหว่างเซลล์ต่างๆ ในสมองและทำให้สมองนั้นสั่งการไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย รวมถึงยังช่วยทำหน้าที่ถ่ายทอดความรู้สึก ถ่ายทอดข้อมูล และแสดงพฤติกรรมความต้องการของสมองอีกด้วย
รีวิวการกายภาพในห้องพัก 4 เตียง : https://youtu.be/Dhe0Be8arAs
โดยในการแพทย์ปัจจุบันนั้น หมอได้ใช้เลซิตินในการรักษาโรคเกี่ยวกับสมองต่างๆ เช่น โรคพาร์กินสัน โรคที่เกี่ยวกับสมองในการขาดสารบางชนิด รวมถึงคนชราที่เป็นผู้ป่วยโรคความจำเสื่อม โดยจากการรักษาค้นพบว่าผู้สูงอายุมีอาการดีขึ้นเมื่อรับประทานเลซิตินวันละประมาณ 25,000 มิลลิกรัม เป็นเวลาหลายๆ เดือนติดต่อกัน รวมถึงผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ในระยะเริ่มแรกค้นพบว่า การรับประทานโคลีนเป็นเวลาอย่างน้อย 180 วัน จะช่วยให้ความทรงจำดีขึ้น ซึ่งการรับประทานโคลีนนั้นจะต้องรับประทานร่วมกับยาบางชนิด เพื่อให้สามารถพัฒนาความสามารถและความทรงจำได้ดียิ่งขึ้นในผู้สูงอายุ โดยเลซิตินนั้นไม่ใช่ใช้เฉพาะสำหรับผู้สูงอายุเท่านั้น สำหรับบุคคลธรรมดา เช่น ผู้ที่มีอารมณ์หงุดหงิดง่าย นอนไม่หลับ หลงลืม หรือผู้ที่มีความเครียดสูง ก็รับประทานเลซิตินได้เช่นเดียวกันเพราะจะช่วยป้องกันไม่ให้เส้นประสาทเสื่อม เนื่องจากอาการดังกล่าวข้างต้น
โดยจากข้อมูลของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ราคาไม่แพง เขตสวนหลวง ได้ให้ข้อมูลว่าเลซิตินมีส่วนประกอบที่สำคัญ ก็คือ ฟอสฟาทิดินโคลีน ซึ่งสารชนิดนี้จะมีฤทธิ์ในการยับยั้ง รวมถึงป้องกันสารพิษต่างๆ รวมทั้งแอลกอฮอล์ สารเคมีต่างๆ รวมถึงการต้องป้องกันความผิดปกติจากการใช้ยาในการทำลายตับ รวมถึงยังมีฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระ อีกด้วยซึ่ง สารฟอสฟาทีดินโคลีน ในเลซิตินนั้นจะช่วยในการซ่อมแซมเวลาที่ร่างการสึกหรอ
โดยทางการแพทย์นั้นได้ใช้เลซิตินในการรักษาโรคตับชนิดต่างๆ ซึ่งได้แก่
1. โรคตับจากภาวะไขมันพอกตับ โดยโรคนี้จะเกิดขึ้นที่เซลล์ตับ โดยสามารถเกิดขึ้นได้ที่ผู้สูงอายุที่ไม่ได้ดื่มสุรา แต่ก็จะมีโอกาสเกิดไขมันไปเกาะบริเวณตับได้ โดยในระยะแรก และต่อมาหากผู้สูงอายุยังมีภาวะไขมันพอกตับเป็นจำนวนมาก ก็จะลุกลามจนกลายเป็นโรคตับแข็งได้เหมือนกัน
2. โรคตับที่เกิดจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยจากการศึกษาของแพทย์ในปีพ.ศ 2546 ในประเทศอเมริกา มีผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับตับจากแอลกอฮอล์จำนวน 789 คน ซึ่งได้ค้นพบว่าหลังจากที่รับประทานฟอสฟาดีตีนโคลีนจนครบ 2 ปี ผลปรากฏว่าค่าตับนั้นมีแนวโน้มที่ดีขึ้น รวมถึงค่าเอนไซม์ของตับก็ดีขึ้นตามลำดับ
3. โรคตับที่เกิดจากการใช้ยา โดยจากการศึกษาค้นพบว่าผู้อยู่ป่วยที่รับประทานยาต้านวัณโรคจำนวน 340 คน ซึ่งรับประทานฟอสฟาทีดินโคลีน 0.9 กรัมต่อวัน เปรียบเทียบกับผู้สูงอายุที่ไม่ได้รับประทานฟอสฟอาทิตย์โคลินร่วมกับยาต้านวัณโรค ค้นพบว่าเมื่อเปรียบเทียบกันกลุ่มที่ไม่ได้รับประทานฟอสฟาทีดินโคลีนมีค่าเอนไซม์ของตับสูงกว่าปกติ
โดยจากข้อมูลของบ้านพักคนชรา ถนนรามคำแหง ได้ค้นพบว่าเลซิตินช่วยลดภาวะไขมันพอกตับได้อยู่ 3 ประการ คือ
1. โคลีน โดยสารชนิดนี้จะช่วยเผาผลาญไขมันที่ตับ โดยทำให้ไขมันที่ตับนั้นถูกนำไปใช้มากยิ่งขึ้น
2. โครินเรซิตินช่วยในการทำงานของเซลล์ในตับ หากพบว่าผู้สูงอายุนั้นขาดโคลีนก็มีโอกาสที่จะเกิดภาวะไขมันพอกตับได้
3. เลซิตินมีส่วนช่วยในการลดไขมันในเลือด โดยเฉพาะคอเลสเตอรอล ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะไขมันพอกตับ ดังนั้นการรับประทานเลซิตินก็จะช่วยลดไขมันในเลือด รวมถึงลดภาวะในการเกิดไขมันพอกตับได้
โดยคุณสมบัติของคอเลสเตอรอลซึ่งเป็นไขมันที่ไม่ดีนั้น จะไม่ละลายรวมตัวกับน้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดอุดตัน และโรคสมอง รวมถึงหัวใจขาดเลือด แต่เรซิตินนั้นจะช่วยทำให้คอเลสเตอรอลกับน้ำรวมกันได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้คอเลสเตอรอลไม่เกาะติดกับผนังหลอดเลือดจนเกิดการอุดตัน รวมถึงทำให้ระบบการไหลเวียนของเลือดนั้นดีมากยิ่งขึ้น และเลซิตินยังช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือดของผู้สูงอายุ รวมถึงยังจะช่วยเผาผลาญไขมันในตับทำให้ร่างกายนำไขมันในตับนั้นเปลี่ยนไปเป็นพลังงาน นอกจากนี้เลซิตีนยังช่วยเพิ่มการขับถ่ายไขมันคอเลสเตอรอลออกทางอุจจาระ รวมถึงลดการดูดซึมคอเลสเตอรอลอีกด้วย และยังจะช่วยเพิ่มสัดส่วนของ hdl ซึ่งเป็นชนิดดี ที่นำไขมันสะสม และอุดตันตามส่วนต่างๆ ในเส้นเลือดไปทำลายที่ตับ รวมจึงทำให้ลดระดับคอเลสเตอรอลไปได้อีกทางหนึ่งด้วย
vdo การกายภาพบำบัดแขนด้วยยางยืด : https://youtu.be/oSGWgd3teII
ประโยชน์ของเรซิตินนั้นมีประมาณ 4 ข้อด้วยกัน
1. นั่นก็คือเลซิตินองค์ประกอบของเยื่อบุเซลล์ในร่างกาย เช่น เซลล์เม็ดเลือด เซลล์ผิวหนัง เซลล์กล้ามเนื้อ รวมถึงเซลล์ในส่วนต่างๆ โดยเลซิตินนั้นจะไปสร้างเยื่อบุบริเวณเซลล์ต่างๆ ดังที่กล่าวมา
2. เลซิตินยังจะช่วยควบคุมน้ำหนักของร่างกายผู้สูงอายุ ทำให้ไขมันนั้นกระจายไปในส่วนต่างๆ ของร่างกาย และทำให้ร่างกายเผาผลาญคอเลสเตอรอลได้ดีมากยิ่งขึ้น
3. เลซิตินจะช่วยป้องกันการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี สำหรับผู้ที่มีคอเลสเตอรอลสูง
4. เลซิตินจะเพิ่มกระบวนการการดูดซึมวิตามินจึงทำให้ละลายไขมันได้ดี เวลาที่รับประทานเลซิตินโดยไขมันที่ละลายในวิตามิน ได้แก่ วิตามินเค วิตามินอี วิตามินดี และวิตามินเอ จึงทำให้ดูดซึมได้ดีในร่างกาย และร่างกายสามารถนำไปใช้ได้อย่างดีมากยิ่งขึ้น
โดยขนาดที่เหมาะสมสำหรับการรับประทานเลซิติน ก็คือ หากรับประทานไม่เกินวันละ 3,600 มิลลิกรัม ก็จะช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อม ลดการทำลายของเซลล์ตับ บำรุงตับ รวมถึงเพิ่มความทรงจำ หากรับประทานวันละไม่เกิน 2,400 มิลลิกรัม ก็จะช่วยเรื่องของปัญหาท่อน้ำนมอุดตันในแม่ที่ต้องการให้นมบุตร หากรับประทานวันละไม่เกิน 7,200 มิลลิกรัม ก็จะช่วยป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด โรคสมอง และลดคอเลสเตอรอล
โดยหากญาติท่านไหนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการรับประทานเลซิติน หรือว่าต้องการหาว่าซื้อ และหากต้องการทราบว่าศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ที่ไหนดีที่จะเหมาะกับการดูแลคนชราของท่าน ทางเราแนะนำว่าควรที่จะรับประทานเลซิตินที่ได้รับการผลิตมาตรฐาน gmp ของประเทศไทย tga ของประเทศออสเตรเลีย dfarm ของประเทศเยอรมัน เพราะว่า มาตรฐานการผลิตของ 3 ประเภศ นี้จะต้องได้รับการคัดเลือกเลซิตินที่มาจากการสกัดของถั่วเหลืองบริสุทธิ์ จะต้องไม่มีการแต่งรส แต่งสี และการฟอกสี เพราะว่าหากรับประทานแล้วมีโอกาสที่จะเกิดตับแข็ง หรือว่าตับอักเสบได้ หากรับประทานต่อเนื่องเป็นเวลานาน และหากลูกค้าท่านไหนที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุก็สามารถติดต่อได้ที่ i care senior home เบอร์โทรศัพท์ 092-614-9542 line id : icarehome ซึ่งศูนย์ของเราจะตั้งอยู่ที่เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร 10250 ขอบคุณค่ะ
www.icareseniorshome.com