รีวิวเจาะธุรกิจบ้านพักคนชราขานรับสังคมปัจจุบัน อัพเดท 2568 By iCare Seniors Home
สัดส่วนของคนชราที่เพิ่มมากขึ้นและจากสภาพทางด้านสังคมและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปอย่างมากในปี 2024 จึงส่งผลให้ความต้องการของธุรกิจบ้านพักคนชราขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ดีประเทศไทยจะเป็นสังคมที่มีการสอนให้ลูกๆ หลานๆ มีภาระกิจที่ต้องดูแลคนชราในครอบครัว แต่ด้วยจำนวนคนชราที่เพิ่มขึ้นสวนทางกับคนหนุ่มสาวที่มีจำนวนลดลง จึงทำให้ลูกๆ หลานๆ ต้องทำงานเยอะขึ้นและมีเวลาดูแลคนชราน้อยลง ในขณะนี้การขยายตัวของขนาดประชากรคนชราที่ต้องอยู่คนเดียวในอนาคตมีเพิ่มมากขึ้น เพราะการมีลูกแค่ 1 ถึง 2 คนในปัจจุบัน ทำให้ธุรกิจบ้านพักคนชราจะเป็นธุรกิจลำดับแรกๆ ที่ได้รับอานิสงส์ของการเปลี่ยนไปสู่สังคมคนชรา
Review การกายภาพบำบัดที่นั่งเก้าอี้ : https://youtu.be/UhL2CmdKAxo
มีการประมาณการว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2025 จะเป็นโอกาสของธุรกิจบ้านพักคนชราเป็นแบบการดูแลสั้นๆ เช่น
1. การพักฟื้นหลังผ่าตัด 3 - 6 เดือน
2. หรือการดูแลระหว่างวันที่จะเรียกกันว่า Day Care แต่ด้วยขนาดและจำนวนของบ้านพักคนชราที่ยังอยู่ในจำนวนที่ไม่มากนัก จึงทำให้การเพิ่มขึ้นของบ้านพักคนชราสำหรับประชาชนชาวไทยแบบดูแลระยะสั้นหรือ Day Care จะยังพัฒนาได้ไม่มากนัก
3. แต่แบบดูแลระยะยาวนั้นมีความประสงค์ที่จะหาที่อยู่ดูแลแบบค้างคืน จะมีโอกาสพัฒนาเพิ่มมากขึ้นซึ่งจะได้รับแรงกระตุ้นจากทั้งประชากรคนชราทั้งชาวไทยและคนต่างประเทศ ผลคือเจ้าของบ้านพักคนชราเอกชนจะต้องเริ่มทำตัวให้เหมาะกับสถานณการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในปี 2568
4. หรือมุ่งไปยังการเปลี่ยนแปลงในเชิงของธุรกิจของสังคมไทยที่ไม่เหมือนเดิม เช่น ผู้ที่สนใจทำธุรกิจบ้านพักคนชราอาจจะไปเจาะกลุ่มบ้านพักคนชราหรูๆ และจะต้องค้นคว้าเสาะหารูปแบบธุรกิจที่เข้าได้กับสังคมคนไทย เป็นต้น
นอกจากปริมาณคนชราที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นแล้วแล้วผลทางด้านสังคมและเศรษฐกิจสังคมที่ไม่เหมือนเดิมมีผลทำให้กิจการบ้านพักคนชราขยายตัวอย่างก้าวกระโดด
ขนาดของคนชราทั่วโลกที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วทำให้กิจการศูนย์ดูแลผู้ป่วยของประเทศต่างๆ มีการเติบโตอย่างต่อไปเรื่อยๆ
"โดยเฉพาะในประเทศที่เป็นผู้นำทางด้านเศรษฐกิจดัง เช่น ญี่ปุ่น อเมริกา และอังกฤษ เพราะว่าประเทศเหล่านี้มีการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการรักษาโรคที่มีผลทำให้ลดเปอร์เซ็นการเสียชีวิต และทำให้อายุของประชาชนในประเทศสูงมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศที่อยู่ทางด้านฝั่งตะวันตกที่เจริญแล้ว จะมีความประสงค์ที่ต้องการภาคเอกชนในการประกอบกิจการบ้านพักคนชรามากกว่าประเทศที่อยู่ด้านฝั่งตะวันออก เพราะทางญาตหรือลูกๆ หลานๆ จะให้ความเอาใจใส่ในการบริบาลคนชราที่ค่อนข้างน้อย อย่างนั้นก็ดีประเทศที่อยู่ในทวีปเอเชียก็เริ่มที่จะมีความโน้มเอียงหรือเปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน เนื่องจากการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจและรูปแบบการเป็นเมืองที่ขยายตัวออกไปตามต่างจังหวัด ทำให้คนหนุ่มสาวโดยส่วนมากมีเวลาในการเอาใจใส่พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ที่ชราภาพน้อยลง เช่น ประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศที่ดำเนินไปสู่สังคมคนชราอย่างบริบูรณ์ โดยมีเปอร์เซ็นขนาดของประชากรคนชรามากกว่า 20% ของพลเมืองทั้งหมด เพราะว่าแต่ก่อนสุภาพสตรีชาวญี่ปุ่นส่วนมากจะไม่ทำงานนอกบ้าน แต่จะอยู่บริบาลคนชราที่อยู่กับครอบครัว แต่ตอนนี้สภาพสังคมได้เปลี่ยนไป คือผู้หญิงต้องไปทำงานที่บริษัท หรืออยู่นอกบ้านเพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นได้จากจำนวนสุภาพสตรีที่ทำงานบริษัทมากขึ้นถึง 3% ใน 10 ปีที่ผ่านมา แต่จำนวนสุภาพสตรีที่ยังคงอาศัยอยู่บ้านโดยไม่ได้ทำงานหล่นไปถึง 12% ทำให้มีอิธิพลต่อกิจการบ้านพักคนชรามีความประสงค์เพิ่มขึ้นมากตลอดเวลา 10 ปีที่ผ่านมา"
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.icareseniorshome.com/b/10
จากการที่เราได้โพส vdo ลงใน youtube ทางญาติจะได้ทราบว่าเรามีการกายภาพที่หลากหลายรูปแบบ
video การกายภาพบำบัดบนทางเดินชั้น 2 : https://youtu.be/XrOhPJyLc6A
กิจการดูแลคนชราจะแบ่ง เนอสซิ่งโฮม หรือ ศูนย์ดูแลผู้ป่วย ออกเป็น 2 รูปเบบ ตามแบบของการบริการและสินค้า ได้แก่
1. การให้บริบาลเป็นเวลาไม่นาน (Day Care)
2. การจัดการดูแลแบบระยะยาว (กินนอน) โดยหากลูกค้าต้องการทราบว่าศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ที่ไหนดี โดยจากการสอบถามจากบ้านพักคนชรา เชียงใหม่ ก็จะแนะนำว่าให้ญาตดูว่าคนชราที่จะมาอยู่นั้นเข้าข่ายรูปแบบไหน
โดยรูปแบบแรกนั้นจะเน้นให้การบริบาลบรรเทาคนชราในการใช้ชีวิตประจำวันทั้งแบบนอกและในสถานที่ การจัดรูปแบบการพักผ่อนและการจัดรูปแบบสังคมระหว่างเพื่อนๆ ไปจนถึงการให้การบริบาลด้านการแพทย์สำหรับคนชราที่มีไม่สบายและมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับการบริบาลอย่างเป็นนิตย์ แต่ในรูปแบบที่ 2 เป็นการให้ที่พักอาศัยระยะยาวโดยให้ความสำคัญในรูปแบบการให้การบริการทางด้านห้องพักระยะยาวหรือบ้านพักแก่คนชรา ที่อยากจะย้ายตัวเองเข้ามาในบ้านพักคนชราเพื่อความสะดวกสบายสำหรับการใช้ชีวิตหลังจากไม่ได้ทำงานแล้ว โดยเฉพาะคนชราที่ไม่มีครอบครัว ยิ่งกว่านั้นลักษณะการบริบาลคนชรายังไม่เหมือนกันได้อีกตามรูปแบบความประสงค์ทางด้านต่างๆ ของคนชราเอง เช่น กิจการบ้านพักคนชราสำหรับอาศัยอยู่แบบระยะยาว โดยเราสามารถแบ่งกลุ่มคนชราเป็นแบบที่ให้ความสำคัญคนชราที่สามารถบริบาลตนเองได้แต่ไม่ได้แต่งงาน หรือไม่มีญาติพี่น้อง และอยากจะอยู่ร่วมกับคนชราคนอื่นๆ ที่มีอายุใกล้ๆกัน หรือลักษณะที่ให้ความสำคัญกับคนชราที่ไม่สบายและประสงค์การบริบาลอย่างใกล้ชิดสม่ำเสมอ
ทั้งนี้กิจการที่ให้ความสำคัญกับการให้การบริบาลคนชราในระยะสั้นหรือรูปแบบแรก ก็สามารถจำแนกเจาะกลุ่มคนชราได้เช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น
การแบ่งเป็นการบริบาลคนชราที่ต้องการการพักฟื้นจากการดูแลของโรงพยาบาล หรือคนที่ประสงค์เพียงการบริบาลแบบวันต่อวัน โดยเฉพาะคนชราที่อยู่บ้าน ไม่มีใครช่วยบริบาลระหว่างวัน และประสงค์ที่จะมีกิจกรรมทำระหว่างวัน เป็นต้น ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะเป็นสังคมที่ให้ความหมายกับคนชราอยู่มาก
แต่ด้วยรูปแบบการเปลี่ยนแปลงของขนาดพลเมืองของคนชราในประเทศไทยที่ตรงข้ามกับขนาดของพลเมืองวัยหนุ่มสาวที่ลดลง ทำให้คนในครอบครัวจะต้องทำงานหนักขึ้นและมีเวลาในการบริบาลคนชราลดลง ทำให้กระทบไปถึงความต้องการบริบาลคนชราเพิ่มขึ้น โดยในปี พ.ศ. 2559 ประเทศไทยมีคนที่อายุมากกว่า 65 ปีเพียง 840,000 คน หรือประมาณ 9% ของคนทั้งประเทศ แต่จากจำนวนการอยู่คนเดียวของคนชราในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นตรงกันข้ามกับปริมาณการเกิดที่น้อยลง ทำให้เกิดการคาดคะเนว่าคนชราในประเทศไทยจะมากขึ้นเป็น 18 ล้านคนใน พ.ศ. 2593 หรือ 27% ของคนทั้งประเทศ
ซึ่งนับว่าประเทศไทยจะย่างก้าวสู่สังคมคนชราแบบสมบูรณ์ อย่างไรก็ดีถึงแม้ว่าสังคมไทยจะให้ความสำคัญกับคนชรา แต่จากการที่ขนาดของคนในครอบครัวลดลงอย่างเห็นได้ชัด และลูกๆ หลานๆ รวมทั้งญาติพี่น้องจำเป็นต้องทำงานข้างนอกเพิ่มขึ้น จนทำให้ไม่มีเวลาเอาใจใส่คนชรา ทั้งนี้ประเทศไทยก็มีลักษณะคล้ายๆ กับประเทศจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจที่มีประชากรมากที่สุดในโลก ก็ให้ความสำคัญกับคนชราอย่างยิ่งยวดเหมือนกับเรา แต่เพราะการเติบโตของเศรษฐกิจจีนทำให้ลูกๆ หลานๆ และญาติพี่น้องหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องไปทำงานนอกบ้าน และละเลยให้พ่อแม่ที่อายุมากต้องบริบาลตัวเองมากขึ้น ซึ่งทำให้รัฐบาลกลางต้องออกกฎหมายเอาใจใส่คนชรามาใช้ เพื่อบังคับให้ลูกๆ หลานๆ กลับมาบริบาลและเยี่ยมเยียนพ่อแม่ที่บ้านเพิ่มขึ้น
มากไปกว่านั้นจากบันทึกของรัฐบาลไทย เราจะเจอว่ามีสัดส่วนคนชราประมาณ 38% ที่ไม่สามารถเข้าถึงการบริบาลที่มีประสิทธิภาพหรือการรักษาพยาบาล เพราะว่าไม่มีคนพาไป หรือมีอุปสรรคในการเดินทาง และไม่มีเวลา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ย้อนกลับมาให้รู้ได้ว่าความประสงค์ในการบริบาลคนชราในประเทศของเราจะมีโอกาสมากขึ้นในอนาคต
ถึงแม้ว่าจะมีการบอกให้ลูกๆ หลานๆ จำเป็นต้องเอาใจใส่คนชราในครอบครัวก็ตาม โดยใน พ.ศ. 2559 กิจการดูแลคนชราในประเทศไทยพัฒนามากขึ้นแต่ตอนนี้ยังไม่ใหญ่มากนัก เพราะว่าจำนวนคนชราในตอนนั้นยังมีไม่เยอะมาก โดยส่วนมากจะเป็นกิจการในรูปแบบการให้บริบาลในแบบสั้นๆ ถึงแม้ว่าตามแนวโน้มของธุรกิจนี้จะโตมากขึ้นจากสัดส่วนคนชราที่จะเติบโตประมาณ 50% ในอีก 10 ปีต่อจากนี้ ปัจจุบันอุปสงค์ในธุรกิจนี้ของคนไทยบางทีก็ยังมีจำนวนไม่เยอะมากนัก
เพราะสัดส่วนคนชราต่อคนทั้งประเทศยังมีจำนวนไม่เยอะ กระนั้นก็ดีอีก 5-10 ปี ต่อจากนี้ มีแน้วโน้มว่ากลุ่มคนชราในไทยอายุระหว่าง 65-74 ปีจะมีมากขึ้นเยอะที่สุด และสัดส่วนคนชราที่มีอายุสูงกว่า 75 ปีก็จะมีมากขึ้นตามมาด้วย เนื่องจากเทคโนโลยีทางการรักษาพยาบาลที่จะมีคุณภาพมากขึ้นและทำให้อายุของคนชราเพิ่มขึ้น ด้วยประการนี้คาดว่ากิจการดูแลคนชราแบบให้บริบาลในแบบสั้นๆ จะมีโอกาสขยายตัวได้มากกว่าในช่วง 5-10 ปีต่อจากนี้ เพราะคนชราส่วนมากยังคงอาศัยอยู่กับลูกเป็นหลัก พร้อมๆ กันนี้บ้านพักคนชราที่เน้นการให้คนชรามาอยู่อาศัยระยะยาวจะเริ่มขยายตัวมากขึ้น เพราะว่าคนชรามีแน้วโน้มที่จะต้องอยู่คนเดียวเพิ่มขึ้น โดยจากบันทึกของประเทศสหรัฐฯ ชี้ชัดว่าสัดส่วนการขยายตัวของราคาห้องพักสำหรับคนชราเพิ่มสูงขึ้นหลังจาก พ.ศ. 2543 เป็นต้นมา ซึ่งไปในทิศทางเดียวกับการที่สหรัฐฯ มีสัดส่วนคนชราต่อคนทั้งประเทศมากขึ้นแบบก้าวกระโดดเช่นเดียวกัน
พอเปรียบเทียบกับข้อมูลนี้แล้วทำให้คาดคะเนได้ว่าอุปสงค์ของบ้านพักคนชราในประเทศไทยน่าจะเติบโตมากขึ้นเมื่อสัดส่วนของคนชราที่มีอายุเกิน 55 ปีต่อคนทั้งประเทศนั้นจะมากกว่า 20% หรืออีกราว 10 ปีข้างหน้านี้ ถึงแม้จะมีการคะเนว่าเร็วๆ นี้ ว่ากิจการการหาที่อยู่คนชราแบบระยะยาวจะขยายตัวเนื่องมาจากตลาดคนชราจากต่างประเทศที่ไม่ได้ทำงานแล้ว จากบันทึกของทัวร์จากต่างประเทศโดยเฉพาะคนชรามีความต้องการมาเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะทัวร์จากต่างประเทศที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป มีการสัญจรมาท่องเที่ยวมากขึ้นประมาณปีละ 8% อนึ่งจากบันทึกของนิตยสารการอาศัยในต่างประเทศ ระบุว่า ประเทศไทยถูกบรรจุอยู่ในอันดับ 1 - 10 ประเทศที่มีความน่าสนใจในการอยู่อาศัยหลังจากไม่ได้ทำงานแล้ว
เพราะว่าราคา ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุเเละค่าใช้จ่ายในแต่ละวันที่ถูก ไม่แพง พร้อมทั้งการบริการด้านการสาธารณะสุขที่มีคุณภาพในราคาที่ไม่แพงมาก เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ นอกจากนี้บริเวณสถานที่ท่องเที่ยวที่ดังๆ ก็ได้มีการริเริ่มสถานประกอบการศูนย์ดูแลผู้สูงอายุไว้ให้บริการคนจากประเทศต่างๆ โดยตำแหน่งที่เป็นที่นิยมสำหรับคนชราจากประเทศต่างๆ คือ อำเภอหัวหิน ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดเชียงใหม่ และเกาะสมุย ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพราะว่าอากาศที่เป็นธรรมชาติและคนไม่วุ่นวายเหมือนกับบริเวณท่องเที่ยวต่างๆ เช่น พัทยา หรือกรุงเทพฯ เฉพาะจังหวัดเชียงใหม่จังหวัดเดียวที่มีคนญี่ปุ่นที่สมัครเข้ามาอยู่ที่บ้านพักคนชราแบบถาวรประมาณ 4,000 คน เพิ่มขึ้นจาก พ.ศ. 2556 เกินกว่า 500 คน และเข้ามารับบริการแบบชั่วคราวอีกประมาณ 2,000 คน โดยจ่ายค่าบริการสำหรับการดูแลประมาณ 300,000 บาท ต่อคนต่อปี ทำให้ประเทศไทยมีรายรับจากคนกลุ่มนี้ไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี
ซึ่งในช่วงแรกของการประกอบกิจการทางเราแนะนำว่า ควรที่จะต้องเป็นลู่ทางของกิจการที่ให้การดูแลคนชราในแบบชั่วคราวก่อน แต่สำหรับกิจการที่เน้นการอาศัยแบบระยะยาวนั้นจะได้รับการกระตุ้นจากอุปสงค์ของคนต่างประเทศและคนไทยที่มีจำนวนมากขึ้นซึ่งต้องอาศัยระยะเวลาในการเปิดบ้านพักคนชรามาก่อน เพราะว่าสัดส่วนของคนชราที่ยังมีไม่เยอะ
และรูปแบบครอบครัวของคนไทยนั้นยังมีขนาดใหญ่พร้อมทั้งสภาพสังคมของประเทศไทยที่มุ่งให้ความสำคัญกับคนชรา โดยลูกๆ หลานๆ และญาติพี่น้อง จำเป็นที่จะต้องบริบาลคนชราในครอบครัว ทำให้ในตอนแรกนั้นมีการคะเนว่าการให้ดูแลแบบชั่วคราวนั้น เช่น การดูแลแบบรายวัน การดูแลที่บ้านพักคนชรา และการดูแลคนชราตามบ้าน จะมีอุปสงค์และเป็นลู่ทางสำหรับกิจการมากกว่า ในเรื่องของลู่ทางของกิจการบ้านพักคนชราแบบอาศัยถาวรจะขยายตัวมากขึ้นในปีถัดๆ ไป ด้วยการมีประสิทธิภาพในการตอบสนองได้ทั้งคนชราชาวต่างประเทศ และคนชราคนไทย
ที่มีความจำนงในการใช้ชีวิตหลังเกษียณที่ประเทศที่มีค่าบริการที่ถูกกว่า ในความสามารถของการขยายตัวในระยะยาว ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ราคาถูก icare seniors home เสนอว่าเจ้าของกิจการคนไทยจะต้องเริ่มมุ่งไปยังการแปรสภาพของรูปแบบและพฤติกรรมของสังคมคนชราพร้อมทั้งค้นคว้าลักษณะของกิจการที่จะพอดีกับคนชราในประเทศไทย เจ้าของกิจการคนไทยจะต้องค้นคว้าและตีความหมายชีวิตในแต่ละวันของคนชรา พร้อมทั้งต้องมีการเตรียมความพร้อมของพนักงานที่มีความรู้ด้านการดูแลคนชรา การหากิจกรรมที่น่าสนใจ และการออกแบบโครงการณ์และการก่อสร้างที่เหมาะสมกับการอยู่พักพิงของคนชรา
อนึ่งบริเวณที่ตั้งของบ้านพักคนชราน่าจะต้องอยู่ใกล้กับโรงพยาบาล เพื่อความสะดวกฉับไวในการสัญจรของคนชราในกรณีของเคสฉุกเฉิน และเจ้าของกิจการชาวไทยก็ต้องหาลู่ทางการลงทุนก่อนที่นายทุนจากประเทศต่างๆ
จะเข้ามาชิงส่วนแบ่งในธุรกิจนี้เพราะเป็นหนึ่งในกิจการที่ BOI ให้การช่วยเหลือโดยเฉพาะกิจการศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่เริ่มเห็นสถานประกอบการต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นสถานประกอบการจาก เยอรมัน เดนมาร์ก สวีเดน และญี่ปุ่น ที่มีความตั้งใจเข้ามาลงทุน อนึ่งเจ้าของกิจการคนไทยควรหาความร่วมมือทางกิจการดูแลคนชรา
โดยเฉพาะคนที่มีความรู้ความสามารถอยู่แล้วจากนานาประเทศ เพื่อที่จะเข้ามาอนุเคราะห์ส่งเสริมการให้การดูแลด้านสุขภาพที่ดีซึ่งเป็นข้อเด่นของประเทศไทย และเพื่อขยายความสามารถในการแข่งขันให้ดียิ่งขึ้น โดยศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ รายวัน iCare Seniors Home หวังว่ารัฐบาลจะมีนโยบายส่งเสริมกิจการดูแลผู้สูงอายุในเร็ววันนี้ ขอบคุณคะ
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
Facebook : https://www.facebook.com/icareseniorshome/
Site : https://www.icareseniorshome.com/
Line : https://line.me/ti/p/~icarehome
X : https://x.com/icareseniorshom
Youtube : https://www.youtube.com/@icareseniorshome
Instagram : https://www.instagram.com/icareseniorshome
Tel : 092-614-9542